มหาวิทยาลัยมหิดลกับการพัฒนาสู่การใช้พลังงานสะอาด
มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเก่าแก่กว่าศตวรรษ ซึ่งตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย โดยมีบ้านและวัดเก่าแก่ของไทยล้อมรอบ รวมถึงมีห้องสมุดและห้องทดลองที่ทันสมัย
เมื่อมองจากด้านบน คุณจะเห็นแผงโซลาร์เรียงตัวกันอย่างสวยงามบนหลังคาของอาคารเรียน ซึ่งที่แห่งนี้ถือเป็นโรงงานเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมที่ติดตั้งระบบโซลาร์พร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ที่ใช้ FusionSolar C&I Smart PV Solution ของหัวเว่ยในการผลิตพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์
มหาวิทยาลัยมหิดลไม่เพียงแต่เป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนําเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้บุกเบิกในการสํารวจความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในประเทศไทยอีกด้วย
มุมมองจากด้านบนของมหาวิทยาลัยมหิดล
การประชุม COP26 ในปี 2021 ประเทศไทยได้ประกาศว่าจะประสบความสำเร็จในการเรื่องของความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2050 ผ่านการผลักดันอย่างจริงจังกับการนำพลังงานสะอาดมาใช้จากการติดตั้งระบบโซลาร์ และใช้นโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ประกอบการให้ติดตั้งระบบโซลาร์บนหลังคา
ในการเสริมสร้างมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของระบบ PV นั้น ประเทศไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการติดตั้งระบบโซลาร์เป็นอย่างมาก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เปิดเผยข้อกําหนดไฟฟ้าแห่งชาติของประเทศไทย ซึ่งระบุข้อกําหนดต่อไปนี้สําหรับแรงดันไฟฟ้าตรงแผงโซลาร์และอุปกรณ์ที่มีระบบหยุดทำงานฉุกเฉินโดยการลดแรงดัน: 1. AFCI ต้องติดตั้งตรงแผงโซลาร์ 2. อุปกรณ์ต้องมีระบบหยุดทำงานฉุกเฉินโดยการลดแรงดัน ซึ่งข้อกำหนดนี้แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยต้องการที่จะเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปและยกระดับมาตรฐานในอุตสาหกรรมนี้ จนประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่สามารถยกระดับความปลอดภัยได้ตามมาตรฐาน
มหาวิทยาลัยมหิดลส่งเสริมการนำพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายในวิทยาเขต โดยใช้ระบบ FusionSolar ที่น่าเชื่อถือในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย ทำให้เกิดเป็น โครงการระบบโซลาร์ขนาด 15 MW พร้อมออปติไมเซอครบทั้งระบบ ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ 600 kWh ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่ในประเทศไทย
ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการระดับโลกในด้านระบบโซลาร์และการกักเก็บพลังงาน, FusionSolar มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ซึ่งมีการคำนวณถึงค่าไฟที่ลดลงว่า สามารถลดค่าไฟต่อปีได้ถึง US$2.3 ล้าน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 11,000 ตัน โดยประมาณ เปรียบได้เท่ากับการปลูกต้นไม้ทั้งหมด 15,000 ต้น
นอกจากนี้ โซลูชันนี้มีการติดตั้งออปติไมเซอร์อย่างครบวงจร ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวแผงโซลาร์ทั้งหมดที่ถูกติดตั้งบนหลังคาทั้ง 41ตึก และสามารถติดแผงโซลาร์จำนวนเท่าไรก็ได้ เพื่อเพิ่มอัตราผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้นอีก 10% รวมทั้งการติดตั้งแบตเตอรี่ ไม่เพียงแต่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการพลังงาน แต่ยังสามารถกักเก็บพลังงานเพื่อสำรองใช้ยามฉุกเฉินในมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น โซลูชันในการติดตั้งระบบโซลาร์และแบตเตอรี่นี้ยังมีมาตรฐานในด้านความปลอดภัยของตัวแผงโซลาร์ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคา ตัวอินเวอร์เตอร์มีระบบป้องกันไฟอาร์ก (AFCI) ซึ่งการอาร์กสามารถนำไปสู่การเกิดประกายไฟได้ อุปกรณ์สามารถตรวจจับอาร์กได้อย่างแม่นยำและสั่งการ rapid shutdown ได้อย่างรวดเร็วเพียง 0.5 วินาที ซึ่งโดยปกติแล้วตามมาตรฐานคือ 2.5 วินาที แล้วยังได้รับการรับรองความปลอดภัยสูงสุดถึงระดับ L4
หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นบริเวณที่ติดตั้งแผงโซลาร์ โดยปกติแล้วตัวแผงจะยังผลิตกระแสไฟฟ้าถึงแม้อินเวอร์เตอร์จะหยุดทำงานไปแล้ว การติดตั้งออปติไมเซอร์นั้นจะช่วยให้แผงโซลาร์สั่งการ rapid shutdown อัตโนมัติเพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟจากไฟฟ้าแรงดันสูง เพื่อความปลอดภัยของช่างไฟฟ้าที่มาซ่อมบำรุงและนักดับเพลิง โดยการรับรองความปลอดภัยระดับ L4 นี้ ถูกออกแบบมาใช้ร่วมกับ แบตเตอรี่ได้อย่างปลอดภัย
มหาวิทยาลันมหิดลกับโซลูชันระบบโซลาร์พร้อมแบตเตอรี่ ไม่เพียงแต่เป็นการนำพลังงานสะอาดมาใช้ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน แต่ยังลดค่าไฟฟ้าได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น นักศึกษายังสามารถเข้าถึงโซลูชันได้อย่างใกล้ชิดเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานสะอาด ทั้งทางทฤษฎี และขั้นตอนการปฏิบัติ เพื่อยกระดับมาตรฐานการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดในประเทศไทยให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
ในอนาคต FusionSolar จะร่วมมือกับ พาร์ทเนอร์ทั่วโลก เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดก๊าซคาร์บอน ความปลอดภัย และ การนำพลังงานมาใช้ในระดับบ้านเรือนจนถึงอุตสาหกรรม