หัวเว่ยเซ็น MOU กับ กฟภ. พัฒนาโครงการเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่

27 กรกฏาคม 2022



(จากซ้ายไปขวา) นายโลแกน ยู กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจ พลังงานดิจิทัล บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และ นายสมปอง ดำรงอ่องตระกูล รองผู้ว่าการธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ร่วมเซ็น MOU




[กรุงเทพฯ ประเทศไทย 21 กรกฎาคม 2565] นายโลแกน ยู กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจ พลังงานดิจิทัล (Digital Power) บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding) กับ นายสมปอง ดำรงอ่องตระกูล รองผู้ว่าการธุรกิจและการตลาด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อร่วมศึกษาการพัฒนาโครงการเกี่ยวกับเทคโนโลยีด้านระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Energy Storage System) สำหรับระบบไฟฟ้าของ กฟภ.


การร่วมมือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมศึกษาและถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ของหัวเว่ยแก่บุคลากรของ กฟภ. และนำข้อมูลเหล่านี้มาประยุกต์ใช้เพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าของ กฟภ. ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งร่วมพัฒนาและศึกษาระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทย


“หัวเว่ย ดิจิทัล เพาเวอร์ มีเป้าหมายที่จะช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด และมอบโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงแก่ลูกค้าของเรา หัวเว่ยมีความยินดีอย่างมากที่จะแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ด้านระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ของเราให้แก่ กฟภ. รวมทั้งยังรู้สึกยินดีอย่างมากที่ กฟภ. ได้มอบโอกาสให้หัวเว่ยมีส่วนร่วมในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมด้านพลังงานของประเทศไทยซึ่งกำลังมุ่งสู่ยุคปลอดคาร์บอนในอนาคตผ่านการร่วมมือครั้งนี้” นายโลแกน ยู กล่าว


นายสมปอง ดำรงอ่องตระกูล กล่าวเสริม “กฟภ. มีแผนสำหรับการดำเนินการร่วมมือกับกลุ่ม Energy storage system (ESS) ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และเราก็ได้เลือกหัวเว่ยซึ่งเป็นบริษัท IT ชั้นนำของโลกที่สามารถตอบโจทย์การยกระดับเทคโนโลยีด้าน ESS เพื่อเสริมประสิธิภาพระบบไฟฟ้าของ กฟภ. เราหวังว่าการร่วมมือครั้งนี้จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านระบบไฟฟ้าและเพิ่มความเสถียรภาพให้กับพลังงานไฟฟ้าในเขตพื้นที่ของ กฟภ. โดยโครงการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่เนื่องจากระบบไฟฟ้าจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและปัญหาลดลง”